กองกำลังฝ่ายความมั่นคงของเมียนมาสังหารผู้ประท้วงต่อต้านการรัฐประหารอย่างน้อย 89 ราย ในวันกองทัพเมียนมา ซึ่งนักเคลื่อนไหวระบุว่า วันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในวันเดียว นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อ 1 ก.พ.
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (Assistance Association for Political Prisoners–AAPP) ระบุเมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ (27 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 89 คน รวมถึงเด็กหลายคน
การปราบปรามอย่างโหดร้ายเกิดขึ้นขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนมากฝ่าฝืนคำเตือนและออกมาประท้วงบนท้องถนนในวันกองทัพในหลายเมืองทั่วประเทศ
เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรปต่างประณามความรุนแรง
“กองกำลังความมั่นคงได้ทำลายเกียรติภูมิของตัวเองด้วยการยิงพลเรือนที่ไร้อาวุธ” แดน ชุกก์ ทูตอังกฤษ ระบุในแถลงการณ์
จำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่มีการปราบปรามการประท้วงหลังเกิดรัฐประหารเมื่อ 1 ก.พ. เพิ่มเป็นมากกว่า 400 คนแล้ว
พิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพเมียนมา 27 มี.ค. ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงเนปิดอว์ เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของกองทัพท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดภายในประเทศ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ของทางการเมียนมา
ดร. ซาซา โฆษกคณะกรรมการตัวแทนสภาแห่งสหภาพ หรือ Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw (CRPH) กลุ่มต่อต้านรัฐประหารที่ตั้งขึ้นโดยอดีต ส.ส. เมียนมา กล่าวกับรอยเตอร์ว่า “วันนี้เป็นวันแห่งความน่าอับอายของกองทัพ นายพลเมียนมากำลังเฉลิมฉลองวันกองทัพ หลังพวกเขาก่อเหตุสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 300 คน”
เมื่อวันศุกร์ (26 มี.ค.) สถานีโทรทัศน์ของทางการเมียนประกาศเตือนผู้ชุมนุมว่า “เสี่ยงที่จะถูกยิงศีรษะ” โดยระบุว่าประชาชน “ควรเรียนรู้จากโศกนาฏกรรมของการเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยองก่อนหน้านี้ว่า คุณสามารถตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกยิงเข้าศีรษะและหลังได้’
ถึงขณะนี้มีประชาชนชาวเมียนมากว่า 400 ราย ต้องเสียชีวิตในระหว่างร่วมประท้วงต่อต้านกองทัพที่เข้ายึดอำนาจเมื่อ 1 ก.พ.
ผู้นำรัฐประหารพูดอะไรบ้าง
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้นำรัฐประหาร กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ โดยสัญญาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ระบุถึงวันเวลาที่ชัดเจน
“กองทัพจะแสวงหาความร่วมมือกับประชาชนทั้งประเทศเพื่อปกป้องประชาธิปไตย” และ “การแสดงออกด้วยวิธีการรุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคง ถือเป็นการเรียกร้องที่ไม่เหมาะสม” พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวในพิธีสวนสนาม
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ยังระบุถึงสาเหตุที่กองทัพต้องเข้ายึดอำนาจเมื่อ 1 ก.พ. ว่าเป็นเพราะพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางออง ซาน ซูจี “ทำผิดกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดถึงคำสั่งอนุญาตให้ทหารยิงสังหารประชาชนแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลทหารได้กล่าวอ้างว่าเป็นการยิงกันเองในหมู่ผู้ชุมนุมประท้วง
ยกรัสเซียเป็น “เพื่อนแท้” ส่วนไทยส่งผู้แทนร่วมงานด้วย
ในพิธีสวนสนามครั้งนี้ มี อเล็กซานเดอร์ โฟมิน รมช.กลาโหมของรัสเซีย เข้าร่วมด้วย
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวขอบคุณกองทัพรัสเซีย และยกย่องให้เป็น “เพื่อนแท้” หลังจากทั้งคู่ได้พบปะและหารือกันตั้งแต่วันศุกร์
โดยปกติ ประเทศต่าง ๆ จะส่งผู้แทนทหารเข้าร่วมงาน แต่ในปีนี้หลายประเทศโดยเฉพาะชาติประชาธิปไตยในฝั่งตะวันตกไม่ส่งตัวแทนมาร่วมงาน
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้การรัฐประหารของกองทัพเมียนมา
อย่างไรก็ตามนิเคอิ เอเชีย รายงานว่า นอกจากรัสเซียแล้ว ยังมีอีก 7 ประเทศที่ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานวันกองทัพเมียนมาด้วย ได้แก่ จีน, อินเดีย, ปากีสถาน, บังกลาเทศ, เวียดนาม, ลาว และไทย
กะเหรี่ยงเคเอ็นยูถล่มฐานที่มั่นทหารเมียนมา ตาย-เจ็บนับสิบ
แหล่งข่าวจากกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) เปิดเผยว่า ช่วงย่ำรุ่งของวันนี้ ทหารเคเอ็นยู จากกองพลน้อยที่ 5 ตรงข้าม อ.แม่สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าโจมตีค่ายทหารเมียนมา กองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 342 หรือฐานที่มั่นตีมูต๊ะ ตรงข้ามชายแดนด้าน จ.แม่ฮ่องสอน โดยใช้อาวุธปืน ค.60 และอาวุธปืนนานาชนิดยิงใส่ค่ายทหารเมียนมา และส่งกำลังทหารเข้าโจมตี ทำให้ทหารเมียนมาเสียชีวิต 5-6 ราย และบาดเจ็บ 20 ราย นอกจากนี้ยังจับกุมทหารเมียนมาได้อีกกว่า 20 คน
สภาพค่ายเต็มไปด้วยกองเลือด และร่องรอยกระสุนปืน มีทหารเมียนมาหนีไปได้หลายคน แต่ทางเคเอ็นยูสามารถยึดพื้นที่ และอาวุธยุทโธปกรณ์ได้จำนวนมาก อาทิ ปืนกล อาวุธปืนประจำกาย ปืนพกสั้น ปืน ค. ขนาดต่างๆ ซองกระสุนปืน กระสุนอาร์พีจี แผงโซล่าร์เซลล์ รวมถึงยุทโธปกรณ์อื่น ๆ
“การสู้รบครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสู้รบครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง นับแต่การเจรจาหยุดยิง เราไม่สามารถควบคุมกองกำลังของหน่วยรบได้ทั้งหมด เพราะหลังจากการรัฐประหารที่ผ่านมา มีชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มไม่พอใจการกระทำของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย” แหล่งข่าวเคเอ็นยูกล่าวกับผู้สื่อข่าว
สำหรับค่ายดังกล่าวตั้งอยู่ลึกจากบริเวณทูมวยทะ ตรงข้าม อ.แม่สามแลบ ไปไกลมาก ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือหางยาวนาน 4 ชม. ซึ่งที่มั่นทหารเมียนมาอยู่ใกล้กับกองบัญชาการกองพลที่ 7 ทำให้ฝ่ายเคเอ็นยูต้องจัดการยึดพื้นที่ไว้ก่อน
เคเอ็นยูแถลงเมื่อวันศุกร์ (26 มี.ค.) ว่า พลเอก มูตู เส่โพ ประธานาธิบดีเคเอ็นยู ได้ส่งหนังสือถึง พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ปฏิเสธคำเชิญให้เข้าร่วมงานวันกองทัพ และตำหนิการยึดอำนาจจากรัฐบาลของนางออง ซาน ซูจี อีกทั้ง ขอให้ปล่อยผู้ถูกจับกุมทั้งหมด และยุติการเข่นฆ่าประชาชน