การเมือง
พระสงฆ์มัณฑะเลย์ตื่นนานแล้ว! ร่วมกับโยมต้านเผด็จการทหารเมียนมา
วันอังคาร ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2564, 19.51 น.
คลิกที่นี่
พระสงฆ์มัณฑะเลย์ตื่นนานแล้ว! ร่วมกับโยมต้านเผด็จการทหารเมียนมา ทั้งเดินขบวน ทิ้งขยะกลางถนน แบนหวยรัฐ ขณะที่ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนยันเจรจากะเหรี่ยงหนีภัยสู้รบสมัครใจข้ามสาละวินกลับเมียนมา คาดอีก 1-2 วันหมด ด้าน 3 กองทัพชนกลุ่มน้อยจับอาวุธสู้ยืนข้างประชาชน
วันที่ 30 มีนาคม 2564 เพจThe Irrawaddy – English Edition ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า การชุมนุมของพระสงฆ์มัณฑะเลย์ต่อต้านการปราบปรามการฆาตกรรมเผด็จการทหารเมียนมา โดยได้แสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับประชาชนต่อต้านเผด็จการทหารในมัณฑะเลย์เมื่อวันอังคาร (ภาพ: CJ)
3 กองทัพชนกลุ่มน้อยจับอาวุธสู้ทหารช่วยประชาชน
นอกจากนี้เว็บไซต์ข่าวเมียนมา The Irrawaddy รายงานว่ากองทัพยะไข่ (Arakan Army), กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) ประกาศว่าจะร่วมมือกันผนึกกำลังกับทุกชาติพันธุ์เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมาหากรัฐบาลยังคงสังหารประชาชนอย่างโหดเหี้ยมซึ่งล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 510 คน
Khaing Thukha จากกองทัพยะไข่กล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วที่กลุ่มชาติพันธุ์จะต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องพลเรือนที่ถูกกดขี่จากระบอบทหาร เราต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ถูกกดขี่”
“พวกเขาปฏิบัติต่อพลเรือนอย่างโหดเหี้ยม พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกทหารยิงและสังหารอย่างโหดเหี้ยมทุกวัน การจับกุมโดยพลการและการปล้นทรัพย์สินของผู้คนกำลังเพิ่มสูงขึ้น เราขอประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของทหารและตำรวจเมียนมา”
พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำรัฐประหารเข้าร่วมการเจรจาเพื่อแก้วิกฤตด้วยวิธีทางการเมืองเนื่องจากประชาชนทั่วประเทศเรียกร้องให้ยุติการปกครองโดยทหาร ปล่อยตัวนักการเมืองและประชาชนทุกคนที่ถูกจับกุมตัว และยอมรับผลการเลือกตั้งในปี 2020
นอกจากนี้ AA, TNLA และ MNDAA เตือนกองทัพเมียนมาว่าจะร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์อื่นๆ และผู้สนับสนุนประชาธิปไตยเพื่อปกป้องตนเองจากการปราบปรามที่โหดเหี้ยมของรัฐบาลหากความรุนแรงยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ กองทัพยะไข่หรือกองทัพอาระกัน (AA) เป็นองค์กรกบฏของชาวพุทธยะไข่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 เคยต่อสู้ร่วมกับกองทัพคะฉิ่นในความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลเมียนมากับกลุ่มชาติพันธุ์คะฉิ่น และมีกำลังพลถึงประมาณ 7,000 คน
กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือพรรคประชาธิปไตยโกก้างเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1989 โดยผู้นำในท้องถิ่นของพรรคคอมมิวนิสต์พม่าแยกตัวออกมาจากพรรคและจัดตั้งกองทัพนี้ขึ้น ซึ่งมีกำลังพลราว 1,500 ถึง 2,000 คน
กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) เป็นกองกำลังติดอาวุธของแนวร่วมปลดปล่อยรัฐปะหล่อง เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1992 มีกำลังพลราว 1,500 ถึง 3,500 คน
ขณะที่การชุมนุมประท้วงวันนี้ (30 มี.ค.) นอกจากการเดินขบวนไปตามถนนต่างๆ แล้วยังมีการนัดนำขยะทิ้งกลางถนนสายสำคัญๆ พร้อมกันนี้ยังพากันหันมาคว่ำบาตรไม่ซื้อไม่เล่นลอตเตอรี่รัฐหลังจากที่กองทัพเมียนมายึดอำนาจ ส่งผลให้รัฐบาลกองทัพต้องเลื่อนการประกาศผลรางวัลออกไปถึง 2 ครั้งแล้วเนื่องจากไม่มีใครซื้อทำให้เหลือหลายล้านใบ
ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนยันเจรจากะเหรี่ยงหนีภัยสู้รบสมัครใจข้ามสาละวินกลับเมียนมา
นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังการประชุมทางไกล (VTC) ที่ห้องประชุม CAT CONFERENCE สำนักงานบริการลูกค้าแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ถึงการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
กรณีที่มีการปฏิบัติการทางทหารระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยง KNU และกองทัพเมียนมา ตรงข้ามชายแดน อ.แม่สะเรียง จนเป็นเหตุให้มีผู้หลบหนีภัยการสู้รบ เข้ามาอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำสาละวินชายแดนไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า มีข้อเท็จจริง 3 ประเด็น คือ 1.สถานการณ์ในปัจจุบัน ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) ที่ข้ามฝั่งมาตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน จำนวนประมาณ 2,000 คน ได้กระจายตัวตามแนวตะเข็บชายแดน ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง และ อ.ขุนยวม (บางส่วน)
ในทางปฏิบัติ กองกำลังนเรศวร ได้ดำเนินการดูแลความปลอดภัย พร้อมทั้งเจรจาสร้างความเข้าใจให้ผู้หนีภัยยินยอมเดินทางกลับโดยสมัครใจ ส่วนใหญ่มีความเข้าใจในสถานการณ์ และคลายความกังวล สมัครใจเดินทางกลับ คงเหลือเพียงบางส่วน ซึ่งคาดว่าจะเดินทางกลับภายใน 1 – 2 วันนี้
2.หากแนวโน้มสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น และมีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) บางส่วนยังไม่สมัครใจกลับหรือมีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาเข้ามาเพิ่มเติม ทางจังหวัดจะได้ดำเนินการตามแนวทางของรัฐบาล ซึ่งจะได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติต่อไป
กรณีสถานการณ์ยกระดับความรุนแรงขึ้น จังหวัดจะดำเนินการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) ในระดับจังหวัด โดยมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งนี้หากเกินกำลังในระดับจังหวัดจะขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากกระทรวงมหาดไทย
3.กรณีที่มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) ได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 ราย ได้เข้ามารักษาพยาบาลเบื้องต้นที่โรงพยาบาล อ.สบเมย 5 ราย ,โรงพยาบาลแม่สะเรียง 1 ราย และโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ 1 ราย ซึ่งเป็นการช่วยเหลือ ตามหลักสิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อได้ทำการรักษาเสร็จสิ้นตามกระบวนการทางการแพทย์แล้ว จะได้ส่งตัวกลับพื้นที่ปลอดภัยต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลบางส่วนที่เกินอำนาจหน้าที่ของทางจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุว่าไม่อาจที่จะให้ข้อมูลส่วนนี้ได้ พร้อมขอให้สื่อเผยแพร่ข้อมูลอย่างถูกต้อง เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยอยู่ในความดูแลของทหารกองกำลังนเรศวร
กรณีที่มีการเข้าไปในพื้นที่ของสื่อ ต้องมีการประสานกับกองกำลังนเรศวรผู้รับผิดชอบพื้นที่ เนื่องจากภาพรวมสถานการณ์ ไม่สามารถให้การรับรองเรื่องความปลอดภัย
“ยืนยันว่าจังหวัดได้เตรียมพื้นที่กักตัวเบื้องต้นแล้วหากมีผู้อพยพเข้ามามากขึ้น รอเพียงความชัดเจนหน่วยเหนือสั่งการเพิ่มเติมเท่านั้น”
คลิกที่นี่