แม่ฮ่องสอน หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 7 คุมเข้มศูนย์พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบบ้านในสอย ต จ.แม่ฮ่องสอน หลังมีการระบาดโรคโควิด-19 จากเมียนมาเข้าสู่ไทย
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 63 พ.อ.ชายแดน กฤษณสุวรรณ ผบ.ฉก.ร.7 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศเมียนมาอย่างรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อกว่า 28,000 ราย และล่าสุดได้มีการระบาดลามเข้ามาในไทย ในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ นั้น ทางด้านหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 ได้มีการคุมเข้มการเข้า-ออกของผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในศูนย์พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบบ้านในสอย ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
โดยได้มีการสั่งการไปยังกำลังพลและหน่วยขึ้นตรงต่าง ๆ ในพื้นที่ ให้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยได้มอบนโยบาย ข้อสั่งการ เน้นย้ำมาตรการในการป้องกันโรคติดไวรัสโควิด-19 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.ให้เข้มงวดการผ่านเข้า-ออกศูนย์พักพิง และการลักลอบอ้อมผ่านจุดตรวจ
2.ชะลอ หรืองดการจัดกิจกรรมภายในศูนย์ที่มีความเสี่ยงจากการรวมกลุ่ม
3.องค์กรเอ็นจีโอ ชะลอการดำเนินกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ
4.ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทั้งจากภายในและภายนอกที่จะนำเข้าสู่ศูนย์พักพิงฯ
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเมียนมาและโรคได้ระบาดลุกลามเข้ามาในไทยแล้วนั้น สำหรับประชาชนคนไทยใน จ.แม่ฮ่องสอนที่อาศัยอยู่ติดแนวชายแดนและมีหลายพื้นที่ ที่มีช่องทางธรรมชาติเข้า-ออกระหว่างไทยกับเมียนมา เรื่องดังกล่าว ประชาชนส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลอย่างหนัก
เนื่องจากแนวชายแดนไทยกับเมียนมา มีระยะทางยาวกว่า 500 กม.และพบว่ายังคงมีการลักลอบเดินทางเข้า-ออก ระหว่างคนท้องถิ่นของสองประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคนส่วนใหญ่หวั่นว่าสักวันการระบาดในประเทศเมียนมาจะลุกลามเข้ามาในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอนและจะทำให้สถานการณ์ปั่นป่วนและกระทบต่อภาพรวมทั้งหมดทั้งในด้านการดำรงชีวิต เศรษฐกิจ