เฉลิมชัย เกาะติดพายุคมปาซุ อาจส่งผลกระทบภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะพืชผลทางเกษตรเสี่ยงเกิดอุทกภัยฉับพลัน จ.จันทบุรี ตราด พร้อมเร่งสำรวจเยียวยาเกษตรกรเสียหาย 45 จังหวัด 5.2 ล้านไร่
วันที่ 15 ตุลาคม 2564 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากผลกระทบของพายุดีเปรสชั่นเตี้ยนหมู่ ประกอบกับกำลังจะมีพายุโซนร้อนกำลังแรงคมปาซุพัดเข้าสู่ประเทศไทย ส่งผลทำให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน และมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการ ดังนี้
พื้นที่ที่เฝ้าระวังเกิดอุทกภัย ให้เจ้าหน้าที่ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลพืชแก่เกษตรกร พื้นที่ประสบอุทกภัย ให้เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลาย ให้เร่งสำรวจพื้นที่เกษตรที่ได้รับความเสียหายทันที และดำเนินการตามระเบียบที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบได้รับการเยียวยาอย่างทันท่วงที ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 คือ ด้านพืช ชดเชยครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ โดยแบ่งอัตราเป็น ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ ไร่ละ 4,048 บาท
ด้าน นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากการสำรวจพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับความเสียหาย ข้อมูล ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2564 มีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบจากอุทกภัยแล้ว จำนวน 5,291,726 ไร่ ใน 45 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ น่าน แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ แพร่ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุทัยธานี กรุงเทพมหานคร ชัยนาท ปทุมธานี
ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี สระบุรี อ่างทอง กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ เลย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ตราด ปราจีนบุรี ระยอง และสระแก้ว โดยแบ่งเป็น ข้าว จำนวน 3,585,259 ไร่ พืชไร่และพืชผัก จำนวน 1,667,388 ไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น และอื่นๆ จำนวน 39,079 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ จำนวน 453,822 ราย
และขณะนี้ได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉินรวมแล้ว 20 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิจิตร ลำปาง สุโขทัย อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี อ่างทอง กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ และสุพรรณบุรี โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะเร่งดำเนินการตามระเบียบฯ โดยเร็วต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานสำรวจพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ปัจจุบันดำเนินการจ่ายเงินชดเชยเสร็จสิ้นแล้ว 1 จังหวัด คือ จังหวัดแพร่ และดำเนินการบันทึกข้อมูลความเสียหายแล้ว 17 จังหวัด คือ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ น่าน เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา ชัยนาท ลพบุรี และสุพรรณบุรี ส่วนจังหวัดที่เหลืออยู่ระหว่างเร่งรัดลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย
นายเข้มแข็ง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินการเยียวยาในเบื้องต้น กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียมวางแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ พร้อมทั้งสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ต้นพันธุ์พืชผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น หรือพืชเศรษฐกิจ ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ จากโครงการผลิตพืชพันธุ์ดีเพื่อสำรองในกรณีช่วยเหลือ ฟื้นฟู ดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัย และใช้ในภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตร
ซึ่งได้ดำเนินการแจกเมล็ดพันธุ์ดีแล้วจำนวน 30,000 ซอง รวมทั้งถ่ายทอดความรู้เรื่องการดูแลรักษาและการจัดการความชื้นในฤดูฝน การจัดการพื้นที่ และการระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก การฟื้นฟูพืชหลังน้ำลด และการป้องกันกำจัดศัตรูพืช โดยได้เตรียมหัวเชื้อไตรโคเดอร์ม่า เพื่อฟื้นฟูพื้นที่เกษตรภายหลังน้ำลดรองรับไว้แล้ว
” กรมส่งเสริมการเกษตรได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของพายุโซนร้อนกำลังแรงคมปาซุ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและพืชผลทางเกษตรระลอกใหม่ได้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เสี่ยงเกิดอุทกภัยฉับพลัน เช่น จันทบุรี ตราด ซึ่งปัจจุบันมีน้ำท่วมขังแล้วในหลายพื้นที่ ”