3 มี.ค.64 – จากกรณี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาช่วยเกษตรกรโดยประชุมวางแผนเชิงรุกรองรับการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะกระเทียม พืชชนิดหัวที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2564 ที่ผ่านมานั้น
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งรัดติดตามรายงานผลการรับซื้อกระเทียมปี 2563/2564 จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกระเทียมนั้น กองส่งเสริมและบริหารระบบตลาด กรมการค้าภายใน ได้ประสานงานผู้ประกอบการที่ลงนามตามสัญญาโดยจับคู่ 10 เอกชนผู้ซื้อกับ 8 กลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ซึ่งจะเป็นผู้ประกอบการรับซื้อกระเทียมสดและกระเทียมแห้ง
ในส่วนกระเทียมสดนั้น ได้ทยอยรับซื้อไปแล้วตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 เรื่อยมาประมาณ 500 ตัน ในราคาที่ 13.50-14 บาท และกำลังทยอยรับซื้อเรื่อยๆซึ่งพรุ่งนี้ (4 มีนาคม 2564) จะมีรับซื้อที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ประกอบการ คือ บจก.มาตาเทรดดิ้ง นายทรงศักดิ์ สาระวรรณา บจก.นิธิฟู้ดส์ บจก.ยิ่งไพศาลการเกษตร เป็นต้น
ในส่วนกระเทียมแห้งนั้นใช้มาตรการชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 เพื่อให้เกษตรกรเก็บสต๊อกไว้ขายแบบแห้งให้กับผู้ประกอบการ เช่น บจก.บีวายที ฟู้ดซัพพลาย บจก.ตะวันพืชผล บจก.อโกรไทย ยูเนี่ยน ร้านทองคำทางบุญช่วยเครื่องต้มยำ บจก.อุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์ และ ตลาดแม่พยอม เป็นต้น ซึ่งกระเทียมแห้งนี้จะส่งว่าของกันในวันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
” ซึ่งโครงการนี้ชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 นี้ทางเกษตรกรต้องการให้จังหวัดของตนเร่งดำเนินการด้านเอกสารให้แล้วเสร็จภายในมีนาคม ทั้งนี้เพื่อเกษตรกรจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และพาณิชย์จังหวัดได้ดำเนินการเข้าคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรระดับจังหวัดแล้ว มีมติยืนยันจะดำเนินการโครงการดังกล่าวแล้วทั้งกระเทียมและหอมหัวใหญ่ซึ่งเป็นพืชหัว ทั้งนี้เป็นโครงการที่เกษตรกรเก็บผลผลิตสดเพื่อเก็บสต๊อกผลิตเป็นกระเทียมแห้ง เพื่อจำหน่ายให้ผู้ประกอบการจะรับซื้อในช่วงเดือนเมษายน ” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
นางมัลลิกา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นมาตรการเชิงรุกซึ่งนายจุรินทร์ นำคณะกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่รับเรื่องจากเกษตรกรแล้วนำประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเนื่องจากตอนต้นปีมีปัญหาเกี่ยวกับการตกเขียวที่กิโลกรัมละ 8 บาททำให้ต้องกำหนดมาตรการเสริมช่วงที่ผลผลิตกระเทียมออกสู่ตลาดมากคือเดือนมีนาคม รวมทั้งมาตรการชะลอการขายนั้นด้วย ทั้งนี้การใช้มาตรการของกระทรวงพาณิชย์นั้นให้ผู้ประกอบการรับซื้อในจำนวนไม่ต่ำกว่า 7,000 ตันที่กระเทียมสด กก.ละ 13.50 บาท เพื่อนำร่องยกระดับด้านราคา
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในแต่ละปีไทยมีผลผลิตกระเทียมสดได้ 230,000 ตัน หรือคิดเป็นกระเทียมแห้ง 80,000 ตัน แต่การบริโภคกระเทียมแห้งภายในประเทศ 170,000 ตัน จึงต้องนำเข้ากระเทียมแห้งอีกประมาณ 60,000 ตัน โดยการนำเข้ายึดเงื่อนไขตามข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) และเสียภาษีนำเข้า 57% เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการบริโภค ขณะเดียวกันรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ได้กำชับฝ่ายความมั่นคงให้ตรวจตราสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมายเพื่อไม่ให้กระทบกับเกษตรกรด้วย.