ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 64 เวลา 09.00 น.นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายชนาธิป เสมแย้ม ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานที่กักกันประจำอำเภอแม่สะเรียง (Local Quarantine) ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยนายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง ได้รายงานว่า สถานที่กักกันประจำอำเภอแม่สะเรียง (Local Quarantine) ของอำเภอแม่สะเรียง มีการจัดห้องพักให้เป็นส่วนตัว ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข รองรับประชาชนได้ประมาณ 20 ราย ปัจจุบันมีผู้เฝ้าระวังและสังเกตอาการในสถานที่กักกัน ทั้งหมด 2 ราย ซึ่งหากมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น จะมีการพิจารณาเพิ่มจำนวนเตียงต่อไป
เวลา 10.00 น. นายสิธิชัย ยังได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามด่านตรวจทั้งสองด่าน จุดแรก ที่จุดตรวจด่านหน้าถ้ำ และจุดที่สองที่จุดตรวจด่านห้วยกุ้ง อำเภอสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามสถานการณ์ จำนวนบุคคลที่เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน รับทราบถึงปัญหาและอุปสรรคการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจทุกหน่วยงาน ดำเนินการตรวจตราและคัดกรองเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด แบบไม่มีข้อยกเว้น และห้ามหละหลวมเป็นอันขาด รวมถึงเน้นย้ำหน่วยงานด้านความมั่นคง ในเรื่องของการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง มิให้มีการเล็ดลอดเข้าสู่พื้นที่ชั้นในอันนำไปสู่การแพร่ระบาดในพื้นที่ชุมชน สำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีภูมิลำเนาใน จ.แม่ฮ่องสอน จะขอกลับมารักษาในจังหวัดฯ ขอให้แจ้ง และกลับมาตามขั้นตอนและมาตรการที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในชุมชนและพื้นที่
เวลา 11.00 น.เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านและผู้นำชุมชน ที่หมู่บ้านจอมแจ้ง หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สะเรียง และที่ บ้านท่าข้าม หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านกาศ โดยมีนายธนู ลาวิชัย ผู้ใหญ่บ้านจอมแจ้ง นางนัยรัตน์ เจริญเมือง ผู้ใหญ่บ้าน บ้านท่าข้าม นำชาวบ้าน อสม.ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งหมู่บ้านจอมแจ้ง และบ้านท่าข้าม เป็นหมู่บ้านสีฟ้า 2 ใน 67 หมู่บ้าน ของอำเภอแม่สะเรียง
เวลา 14.00 น.ลงพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พิจารณาสำรวจสถานที่ที่อาจจัดทำเป็นสถานที่กักกันประจำอำเภอเพิ่มเติม ในกรณีมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสร้างความมั่นใจต่อประชาชนในพื้นที่ว่าระบบการดูแลผู้ป่วยจะไม่ขาดแคลนเตียง โดยไปสำรวจ 3 แห่ง ประกอบด้วย อาคารสนามแบดมินตันแม่สะเรียง อาคารกองร้อยทหารพราน และอาคารเรียนหลังเก่าของโรงเรียนบ้านห้วยหลวง ซึ่งเป็นการสำรวจไว้ในเบื้องต้นเท่านั้น จากการสำรวจพบว่า แต่ละจุดเป็นอาคารที่แยกออกมา ไม่ได้ใกล้ชิดกับอาคารอื่นๆ
โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานในสังกัดทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่มีสถานที่ในลักษณะเหมาะสม ให้รีบดำเนินการตรวจสอบความเป็นไปได้ในการใช้อาคาร พื้นที่ หรือสถานที่ ในการรองรับผู้ป่วย และประสานหน่วยงานด้านสาธารณสุขเรื่องรายละเอียดในการดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขและมาตรการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า -2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท) ต่อไป
พร้อมกันนี้ได้ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบธงฟ้า ให้กับนายประสาร ศฤงคาร ผู้ใหญ่บ้านทุ่งรวงทอง หมู่ที่ หมู่ที่ 10 ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย 1 ใน 12 หมู่บ้านสีฟ้า ของอำเภอแม่ลาน้อย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้กล่าวชื่นชมชาวบ้านในหมู่บ้าน รวมถึงผู้นำชุมชน ที่มีแนวทางสู้โควิดด้วยชุมชนเข้มแข็ง พร้อมกันนี้ได้สร้างความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์การแพร่ระบาด ให้กำลังใจและให้คำแนะนำกับประชาชนในการต่อสู้กับโควิด-19
สำหรับ หมู่บ้านสีฟ้าปลอดโควิด-19 เป็นหนึ่งในแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการระบาดของโควิด-19 โดยให้ประชาชนในชุมชน ร่วมทำและร่วมตัดสินใจกันเอง ภายใต้กฎเกณฑ์ หรือระเบียบที่ได้ร่วมคิด ที่จะช่วยให้สามารถคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติของโควิด-19 ไปได้
วันเดียวกันเวลา 15.30 น. ที่อำเภอแม่ลาน้อย ดร.ชูชาติ คำมา นายอำเภอแม่ลาน้อย พร้อมด้วย นายวัชรพงศ์ จันทิมา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำตรวจเยี่ยมศูนย์ Local Quarantine ของอำเภอแม่ลาน้อย ซึ่งจัดเตรียมไว้ที่ หอประชุม จำนวน 25 ราย และที่กองร้อย อส.หลังเก่าอีกจำนวน 15 ราย รวม 40 ราย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มอบสิ่งของและให้กำลังใจแก่ผู้ที่เฝ้าระวังและสังเกตอาการในสถานกักกัน จำนวน 3 ราย ด้วย
สำหรับการดำเนินการดังกล่าว เป็นมติสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ได้มีมติเปิดใช้สถานที่กักกันแห่งรัฐ (Local Quarantine) ในทุกอำเภอ อย่างน้อยอำเภอละ 1 แห่ง เพื่อสังเกตอาการ เฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง , ผู้ที่รอผลตรวจ SWAB และไม่มีที่พัก , ผู้ที่เดินทางมาจากในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด