เมื่อวันที่ 18 เมษายน แหล่งข่าวกองกำลังกะเหรี่ยง KNU รายงานว่า วานนี้ (17 เมษายน) ทหารพม่าสังกัดกองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 340 (พัน.คร.340 ) ฐานด๊ากวิน ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้ทำการยิงเตือนเรือของราษฎรไทยบ้านแม่สามแลบ จำนวน 3 ลำ ขณะแล่นผ่านฐานของทหารพม่าฐาน เมื่อเวลา 09.00-16.30 น. ซึ่งเป็นห้วงระยะที่เรือวิ่งผ่านจุดดังกล่าว
ส่วนทางกะเหรี่ยง KNU ได้แจ้งเตือนไปยังราษฎรของตนที่อาศัยอยู่ติดแม่น้ำสาละวินให้ระมัดระวังในการเดินเรือ และห้ามวิ่งเรือผ่านจุดที่ตั้งฐานทหารพม่าทุกแห่งที่อยู่ติดแม่น้ำสาละวิน เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้
นายจ่อปลา (ไม่มีชื่อสกุล) ราษฎรบ้านแม่สามแลบ หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ตนและพวกอีก 3 คน ซึ่งเป็นคนขับเรือ ได้แก่ นายคาชู และนายชาดา ได้ขับเรือเพื่อลำเลียงสินค้าอุปโภคบริโภคไปให้ลูกค้าที่บ้านอุตุท่า เขตพม่า ซึ่งห่างจากบ้านแม่สามแลบไปทางทิศเหนือประมาณ 25 กม.
นายจ่อปลากล่าวว่า ขณะที่เรือวิ่งผ่านฐานทหารพม่า ฐานด๊ากวิน ซึ่งอยู่ตรงข้ามฐานทหารพรานของไทย ทหารพม่าได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงใส่เรือทั้ง 3 ลำ ทั้งที่เรือทั้งหมดกำลังวิ่งในแม่น้ำสาละวินติดกับฝั่งไทยบ้านท่าตาฝั่ง ไม่ได้วิ่งรุกล้ำเข้าไปในฝั่งพม่าแต่อย่างใด
นายจ่อปลากล่าวอีกว่า ในตอนขาขึ้น กระสุนที่ยิงมาไม่ได้ถูกใคร แต่ในห้วงขาล่อง ขณะที่เดินทางกลับบ้านแม่สามแลบ ทหารพม่าได้ยิงอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นการตั้งใจยิงเรือของตนโดยตรง กระสุนปืนได้ยิงถูกกราบเรือด้านขวาจนทะลุเป็นรู แต่ตนก็สามารถนำเรือหนีกลับมาที่บ้านแม่สามแลบได้อย่างปลอดภัย
ด้าน นายชาดา (ไม่มีชื่อสกุล) เจ้าของเรืออีกลำ ระบุว่า ตอนขึ้นไปทหารพม่าก็ยิงอย่างต่อเนื่องจนต้องประชิดฝั่งไทย แต่ไม่โดนเรือ พอขากลับลงมาก็ยิงอีก จนโดนเรือ ทั้งนี้ เรือที่ไปโดนยิงทุกลำ แต่ไม่มีคนบาดเจ็บ สถานการณ์ที่ทหารพม่ายิงเรือไทยแบบนี้ไม่เคยเจอแบบมาก่อน โดยช่วงขากลับโดนทหารพม่ายิงช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.
ด้านชายแดนอำเภอปางมะผ้า นายธำรงค์ ลุงโย่ง ผู้ใหญ่บ้านปางคาม ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับแจ้งจากลูกบ้านที่มีญาติอยู่ที่บ้านคายหลวง เขตเมียนมา ว่า ขณะนี้ชาวบ้านได้เตรียมพร้อมเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวกันบ้างแล้ว เพราะมีกระแสข่าวว่าจะมีการสู้รบกันระหว่างทหารไทยใหญ่กับเมียนมา
นายธำรงค์กล่าวอีกว่า หากเกิดเหตุการณ์ก็จะอพยพจากบ้ายคายหลวงไปยังหมู่บ้านน้ำกัดและบ้านตากแดด อยู่ห่างประมาณ 5 กิโลเมตร ใกล้ชายแดนไทย ซึ่งมีหุบเขาที่สามารถหลบหนีภัยได้ และยังอยู่ใกล้กับฐานของทหารไทยที่ทหารเมียนมาไม่กล้าที่จะใช้อาวุธหนักถล่ม เพราะกลัวพลาดถึงฐานของทหารไทย
นายธำรงค์กล่าวว่า ส่วนชาวบ้านของหมู่บ้านไม้ลัน ซึ่งตนเองดูแลเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็ได้กำชับให้ทุกคนเฝ้าระวังและติดตามข่าวจากญาติพี่น้องฝั่งตรงข้าม เพราะบ้านไม้ลันติดชายแดน เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็เกิดผลกระทบอย่างแน่นอน