ต้องบอกว่า จุดเริ่มต้นของการมีหัวใจอาสามักเกิดจากสังคมบ้าน จนมาสู่โรงเรียน กระทั่งถึงองค์กรในที่สุด ทั้งนั้น เพราะมีผู้คนมากมายที่ใช้เวลาว่างในวันเสาร์-อาทิตย์ ร่วมทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ด้วยความเสียสละต่อผู้อื่น หลายคนพร้อมทุ่มเททำสิ่งที่เป็นประโยชน์ในทุก ๆ วัน เพื่อสร้างความสุขให้สังคมน่าอยู่
จนส่งผลให้เกิดความภาคภูมิใจที่มีพวกเขาอยู่ร่วมในสังคม ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นทำเป็นแบบอย่าง เพราะการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข จะต้องมีความเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือกัน ซึ่งเหมือนกับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
“วิโรจน์ มีนะพันธ์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า บริษัทให้ความสำคัญและส่งเสริมให้พนักงานเป็นทั้ง “คนเก่ง” และ “คนดี” ของสังคม
“จึงได้จัดโครงการจิตอาสา 60 ปี ไทยออยล์ ‘คุณริเริ่ม…เราเติมเต็ม’ ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งในกิจกรรมสร้างวัฒนธรรมจิตอาสา เชิญชวนให้พนักงานสร้างสรรค์กิจกรรมด้วยตนเอง เพื่อร่วมบำเพ็ญประโยชน์ หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ชุมชนและสังคม โดยใช้แรงกาย แรงใจ และทรัพยากรของตนเอง”
ภายใต้แนวคิด “คุณ…ริเริ่ม” จากนั้น บริษัทจะร่วมสนับสนุนเป็นเงินบริจาค “เราเติมเต็ม” เพื่อมอบให้มูลนิธิกุศลต่าง ๆ 5 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิธรรมรักษ์ (วัดพระบาทน้ำพุ) อ.เมือง จ.ลพบุรี, มูลนิธิวัยวัฒนานิวาส สถานสงเคราะห์คนชรา ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ, มูลนิธิสงเคราะห์เด็ก พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี, มูลนิธิบ้านครูบุญชูเพื่อเด็กพิเศษ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการ การุณยเวศม์ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
“ปฏิภาณ มีสุขสบาย” หรือ “โจ” สมาชิกน้องใหม่ของไทยออยล์ ทำงานเพียง 3 ปี แต่มีโอกาสเข้าร่วมเป็นจิตอาสามาแล้ว 2 ครั้ง ในโครงการใหญ่ ๆ ระดับประเทศ ทั้งในเรื่องของการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้กับโรงพยาบาลธัญญารักษ์ จ.แม่ฮ่องสอน และโรงพยาบาลแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อสร้างผลการประหยัดจากการใช้ไฟฟ้า กลับมาใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงพยาบาล
“ปีที่แล้วผมใช้วันหยุดในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ ไปเป็นจิตอาสา โดยได้รับหน้าที่ดูแลในเรื่องเทคนิคการออกแบบและติดตั้ง รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องจนสามารถส่งมอบให้กับโรงพยาบาลธัญญารักษ์ สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ให้กับผู้ป่วยและบุคลากรของโรงพยาบาล ส่วนปีนี้เข้าไปช่วยดูเรื่องของระบบการตรวจสอบ การติดตั้งของผู้รับเหมาให้กับโรงพยาบาลแหลมฉบัง โดยดูแลตั้งแต่เรื่องของเอกสารสัญญาการสำรวจพื้นที่ ติดตั้ง และตรวจรับงานจนสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย”
“ทั้ง 2 โครงการที่เข้าร่วมเป็นจิตอาสา ถือเป็นความรู้ที่ได้มาจากการทำงานที่ไทยออยล์ทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่นำความรู้มาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมจิตอาสาสร้างประโยชน์คืนให้กับสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็มีโอกาสเข้าไปเป็นจิตอาสาทำเรื่องระบบไฟฟ้าให้กับโรงเรียนในต่างจังหวัดหลายโรงเรียนด้วยกัน”
“ดังนั้น การนำความรู้ที่ได้เรียนมาต่อยอดในการสร้างประสบการณ์กับบริษัท ทำให้ผมมีโอกาสแสดงความสามารถในการทำงาน และเจริญเติบโตในองค์กร ผมจึงคิดอยากนำประสบการณ์เชิงวิศวกรรมที่ผมได้มานี้ไปใช้พัฒนาโครงการเพื่อสังคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสิ่งดี ๆ ให้ชุมชนรอบข้างต่อไป”
“ดำรงศักดิ์ ยืนยาว” หรือ “ยาว” ใช้เวลาว่างช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ไปเป็นนักจิตวิทยาจิตอาสาช่วยเหลือสังคม จุดเริ่มต้นของงานอาสาครั้งนี้มาจากตอนที่เข้าไปเรียนต่อปริญญาโท คณะจิตวิทยาการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา จนมีโอกาสฟังเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่แม่ให้พ่อข่มขืนลูกตัวเองนาน 3 ปี
“ถึงแม้จะมีนักสังคมสงเคราะห์เข้าไปช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีนักจิตวิทยาเข้าไปดูแลในเรื่องของจิตใจที่บอบช้ำ เนื่องจากขาดแคลนบุคลากรมีไม่เพียงพอ ผมจึงเกิดความสงสาร กระทั่งกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้มาเป็นจิตอาสาด้านจิตวิทยา ปัจจุบันผมเป็นนักจิตวิทยาอาสาของผู้ป่วยในแผนกผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา งานจิตอาสาแบบนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษามีปัญหาด้านความคิด และอารมณ์ ส่วนใหญ่เขาจะรู้สึกผิดมีปมที่จิตใจ ต้องเจาะลึก และเข้าใจเรื่องที่เป็นปมของเขา”
“เราไม่ได้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ทุกคนจะแก้ปัญหาของตัวเอง เลือกเอง เราไม่มีส่วนในการตัดสินใจแทนเขาแค่ไปสร้างสัมพันธภาพความเข้าใจและรับฟังปัญหา แต่ความยากของงานจิตอาสาแบบนี้คือ ผู้ป่วยอาจไม่เล่าความจริง จึงไม่สามารถแก้ปัญหาที่ตรงจุดได้”
“นอกจากนี้ ผมยังเข้าไปเป็นนักจิตวิทยาอาสาที่ศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดโรงพยาบาลแหลมฉบังช่วยเหลือเรื่องเด็กติดยา 70% ของผู้ติดยาที่ถูกบำบัดแล้วมักกลับมารักษาอีกครั้ง จึงต้องทำให้เด็กเหล่านี้ไม่กลับมาบำบัดอีก สิ่งที่ได้จากการเป็นจิตอาสาในครั้งนี้ทำให้เรารับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมากขึ้น สามารถช่วยพัฒนาการทำงานที่บริษัทได้อีกต่อหนึ่ง การที่ได้เข้าร่วมโครงการคุณริเริ่ม…เราเติมเต็ม เพื่อต้องสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นมาเข้าร่วมเป็นจิตอาสาเพิ่มมากขึ้น โครงการนี้ไม่ได้จบที่ทำความดี แต่เป็นการปลูกฝังการทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่นได้ในทุก ๆ เรื่อง”
“วศินี ชูแสง” หรือ “ทราย” ซึ่งเป็นจิตอาสากู้ภัย สังกัดมูลนิธิสว่างประทีปของศรีราชา เธอทำตรงนี้มาเกือบ 10 ปี ใช้เวลาว่างจากการทำงานประจำที่ไทยออยล์ ในช่วงเวลาเลิกงานไปจนถึงเที่ยงคืน จึงกลับมาพักผ่อนเพื่อเริ่มงานประจำของเช้าวันใหม่ และวันเสาร์-อาทิตย์ เธอทำเป็นประจำอย่างนี้ทุกวัน จนเกิดแรงบันดาลใจจากครั้งแรกที่ตามรุ่นพี่ไปช่วยงานกู้ภัย
“วันนั้นไปเจอเหตุการณ์ที่ผู้ประสบอุบัติเหตุสลบปลุกไม่ฟื้น ญาติผู้ประสบภัยเข้ามาอ้อนวอนให้ช่วยชีวิตอย่างน่าสงสาร จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดิฉันตั้งใจว่าจะต้องเป็นจิตอาสากู้ภัยอย่างจริงจัง จนมาเริ่มศึกษาเรื่องของการช่วยเหลือจริง ๆ ว่า ต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะการช่วยชีวิตคนต้องเร่งรีบ จะได้ลดการสูญเสีย ดิฉันจึงไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ตั้งแต่หลักสูตร EMT (Emergency Medical Technician) เป็นหลักสูตรสำหรับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและอาสาสมัคร (อาสากู้ชีพ) และหลักสูตรปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน และช่วยปฏิบัติการแพทย์ขั้นสูง”
“จนได้รับการขึ้นทะเบียนพร้อมบัตรอนุญาตจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) แม้ทุกหลักสูตรที่เรียนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าเรียน และค่าเดินทาง เพราะเราต้องเดินทางช่วงเสาร์-อาทิตย์จากชลบุรีไปเรียนที่ จ.จันทบุรี”
“การเป็นอาสากู้ภัยถือเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่ทำงานแล้วมีความสุข ประกอบกับที่ศรีราชามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทุกวัน การช่วยเหลืออย่างถูกวิธี และรวดเร็ว จะทำให้ผู้ประสบอุบัติเหตุปลอดภัย และลดการสูญเสียที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ที่เข้าไปช่วยเหลือจะเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนน คลอดลูกฉุกเฉิน อาสากู้ภัยจะช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนส่งต่อแพทย์ คิดว่าจะเป็นจิตอาสากู้ภัยต่อไปเรื่อย ๆ และถ้ามีลูกก็จะพาเขาไปช่วยเหลือสังคมด้วยเช่นเดียวกัน”