หลังจากศึกษาปัญหาของสุดารัตน์ ไชยฝางมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 จนถึงวันนี้ ก็ราวเกือบ 3 เดือน เราพบข้อเท็จจริงชัดเจนว่า เธอเคยถือสัญชาติไทยโดยการเกิดเพราะเกิดในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.2507 ณ อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่สละสัญชาติไทยเพื่อไปถือสัญชาติไต้หวันตามสามี ซึ่งจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายไทยเมื่อ ราว พ.ศ.2537 มีการประกาศการเสียสัญชาติไทยของเธอในราชกิจจานุเบกษาใน พ.ศ.2545 แต่อย่างไรก็ตามด้วยความไม่ลงรอยในการอยู่กันฉันสามีภริยา-สามีสัญชาติไต้หวัน สามีของเธอได้ฟ้องหย่าจากสุดารัตน์ต่อศาลไต้หวัน ทำให้ทางราชการไต้หวันไม่อาจจะรับรองสถานะคนสัญชาติไต้หวันได้ เธอจึงตกเป็นคนไร้สัญชาติตั้งแต่ พ.ศ.2545 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลา 20 ปี
เมื่อความปรากฏชัดจากคำขอของ “ครูเคน” สุริยน แก้วทิพย์ แล้ว สถานกงสุลไทยในไต้หวันจึงออกหนังสือเดินทางฉุกเฉินให้แก่สุดารัตน์เพื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยและจัดการหลายปัญหาของเธอ กล่าวคือ 1. การจัดการตรวจสุขภาพของเธอ ซึ่งดูจะมีปัญหาโรคกะเพาะอย่างร้ายแรง 2. การออกเอกสารรับรองตัวบุคคลชั่วคราวในระหว่างที่การกลับถือสัญชาติไทยโดยการเกิดที่มีอยู่ยังไม่แล้วเสร็จ ก็คือ ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว 3. การรวบรวมพยานหลักฐานและการเขียนคำร้องขอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อกลับคืนสัญชาติไทย ซึ่งมีความเป็นไปได้ 2 ทาง ตามกฎหมายไทย แต่ปัญหาอยู่ที่สุดารัตน์แทบจะตอบคำถามอะไรเกี่ยวกับตนเองไม่ได้เลย และเอกสารที่หามาได้โดยครูเคนฯ ก็เป็นภาษาจีน
สำหรับเรา คนในมหาวิทยาลัยนั้น ย่อมมีความคล่องตัวในการทำงานน้อยมาก ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 ดิฮันได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครองเพื่อขออการสนับสนุนจากกรมการปกครองในการขจัดปัญหาความไร้สัญชาติของ 1. คุณธิพรดา เปา หรือ “คุณเพ็ญ” และ 2. คุณสุดารัตน์ ไชยฝาง ในหนังสือนี้ได้ขอให้ “อาจารย์สุริยศักดิ์ เหมือนอ่วม” ผู้อำนวยการส่วนการทะเบียนราษฎร ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคนถือสัญชาติไทย ทั้งภายในและภายนอกประเทศไทย และ อาจารย์วีนัส สีสุข ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายไทยเพื่อการรับรองสถานะบุคคลตามกฎหมาย มาสนับสนุนงานเพื่อคนไทยไร้สัญชาติทั้ง 2 ท่าน
ในช่วงเวลานี้ ดิฉันเริ่มคิดกับอาจารย์วีนัส สีสุข แล้ว ถึงการยื่นคำขอเพื่อรับรองสิทธิในสัญชาติไทยของเจ้าของปัญหาทั้งสอง และยังรออาจารย์สุริยศักดิ์ เหมือนอ่วม ซึ่งได้แจ้งให้ทราบว่า กำลังหารือกับฝ่ายสัญชาติของกรมการกงสุล และฝ่ายสัญชาติของสันติบาล ซึ่งเป็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะพยายามยกร่างคำขอเพื่อออกเอกสารรับรองตัวบุคคลในช่วงเวลานี้ และเพื่อการกลับถือสัญชาติไทย ให้แล้วเสร็จภายใน7 วัน สำหรับกรณีสุดารัตน์ก่อน
ในส่วนการจัดการความเปราะบาง ซึ่งเกิดจากปัญหาสุขภาพ และปัญหากำลังใจที่แทบไม่มีของสุดารัตน์ ซึ่งกลับมาในประเทศไทยแล้ว ก็ได้รับการติดต่อจากผู้แทนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ อยู่ตลอด และจากผู้แทนของกรมกิจการสตรีและครอบครัว เมื่อบ่ายวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2565 ซึ่ง ก็ทำให้สบายใจขึ้นมากเลย และอยากร้องขอให้มีการทำงานเชิงรุกมากขึ้น
สำหรับสุดารัตน์นั้น เมื่อมาถึงประเทศไทย ก็มีความสบายใจมากขึ้น ไม่มีอาการปวดกระเพาะ และเริ่มคิดวางแผนชีวิตซึ่งพยายามจะสร้างศักยภาพในการดำรงชีวิตแบบปกติให้อีกครั้งหนึ่ง
เราอยากขอให้สาธารณสุขจังหวัดชลบุรีมาช่วยเราฟื้นฟูสุขภาพของสุดารัตน์ ตลอดจนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่สุดารัตน์จะไปอาศัยอยู่กับพี่ชาย ปรากฏตัวมาช่วยอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างพวกเรา พวกเรามิใช่ผู้รักษาการตามกฎหมาย เราเป็นแค่จิตอาสา โปรดปรากฏตัวได้แล้วค่ะ
——–
Phunthip Saisoonthorn
บางกอกคลินิก นิติธรรมศาสตร์