มินอ่องหล่าย เตรียมปัดฝุ่นโครงการเขื่อน ‘ฮัตจี’ ในแม่น้ำสาละวิน

มินอ่องหล่าย กล่าวระหว่างเยือนเมืองพะอัน รัฐกะเหรี่ยง ให้คำมั่นจะพัฒนาพื้นที่กะเหรี่ยง พร้อมปัดฝุ่นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนฮัตจี ในลุ่มน้ำสาละวิน กลับมาอีกครั้ง หลังเคยถูกประชาชนในพื้นที่ต่อต้าน เนื่องจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนโครงการต้องหยุดไป

พลเอกอาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพพม่า

 

3 มิ.ย.64 สำนักข่าวชายขอบ รายงานเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 64 อ้างเว็บไซต์ New Light of Myanmar เป็นหนังสือพิมพ์ของทางการพม่า รายงานข่าวว่า พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพพม่า ปัดฝุ่นโครงการเขื่อนฮัตจี บนแม่น้ำสาละวิน (Hatgyi hydropower plant to be built on Thanlwin River will contribute to Kayin State: Senior General) โดยเนื้อหาข่าวระบุว่า พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย เดินทางไปยังเมืองพะอัน เมืองหลวงรัฐกะเหรี่ยง โดยได้ประชุมร่วมกับสภาบริหารรัฐกะเหรี่ยง และหารือกับประธานสภาฯ ซอมินอู เรื่องกิจการต่างๆ ในพื้นที่ อาทิ สาธารณสุขและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาตรการการค้าชายแดน โดย พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย มีข้อหารือเรื่องการขยายถนน และกรณีคะแนนเสียงเลือกตั้งในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งพบว่ามีคะแนนเสียง 239,000 คะแนน มาจากผู้ที่ไม่มีบัตรตรวจสอบสัญชาติ

เว็บไซต์ดังกล่าวรายงานว่า พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย กล่าวว่าจะพัฒนารัฐกะเหรี่ยง โดยการสร้างสนามกีฬา สระว่ายน้ำ ฯลฯ ทั้งนี้ อายุขัยของประชาชนในรัฐกะเหรี่ยงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประชาชนพม่า 2.5 ปี ซึ่งประชาชนท้องถิ่นจำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีคุณค่าและบริการสาธารณสุข

รายงานข่าวของทางการพม่าระบุด้วยว่า ในด้านการผลิตไฟฟ้านั้น รัฐกะเหรี่ยงมีศักยภาพในการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อตอบสนองความต้องการไฟฟ้าในพื้นที่ โดยมีแผนก่อสร้างโครงการเขื่อนฮัตจี บนแม่น้ำสาละวิน

อนึ่ง โครงการเขื่อนฮัตจี เป็น 1 ใน 7 โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่มีการเสนอก่อสร้างบนแม่น้ำสาละวินในพม่า และบนพรมแดนไทยพม่า โดยโครงการเขื่อนฮัตจี มีกำลังผลิตติดตั้ง 1,200 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บริเวณแก่งฮัตจี ในรัฐกะเหรี่ยง ห่างจากพรมแดนไทย ที่บ้านสบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 47 กิโลเมตร โดยก่อนหน้านี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ผลักดันโครงการ แต่ได้รับการคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนต่อชุมชนใน จ.แม่ฮ่องสอน และในช่วงปี พ.ศ. 2552 มีการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอต่อสำนักนายกรัฐมนตรี และโครงการยังไม่มีการเดินหน้าจนปัจจุบัน

สื่อกะเหรี่ยงรายงาน ทหารไทยแอบส่งข้าวให้ทหารพม่า

3 มิ.ย. 64 สำนักข่าวชายขอบ อ้างข้อมูลจากสื่อวิทยุ Radio Karen แห่งสำนักข่าวศูนย์ข้อมูลกะเหรี่ยง (KIC) รายงานเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 64 ระบุว่า ทหารไทยส่งเสบียงช่วยกองทัพพม่าที่ประจำอยู่ตามลำน้ำสาละวินคือ ฐานวีจ้อท่า เหล่อเซ และฐานจอท่า อยู่ในเขตมือตรอ รัฐกะเหรี่ยง ระหว่างวันที่ 24-28 พ.ค. 64 โดยใช้เรือสีดำ 4 ลำขนส่ง จำนวน 9 เที่ยว และเรือเล็กเครื่องยนต์ฮอนด้า 1 ลำ จำนวน 8 เที่ยว   

นอกจากนี้ พลเอกเกลอะโด โฆษกกองพล 5 กองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง พร้อมกล่าวว่าในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ คือ กองทัพพม่ายึดอำนาจโดยใช้กำลังทหาร เป็นกลุ่มผิดกฎหมายไม่ได้รับเลือกโดยประชาชน ทหารต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และการที่มายึดเอาอำนาจและอยู่เหนือกฎหมายเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง