21 ก.พ.64- ที่สนาม ฮ. พล.ร.7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพร้อมคณะตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเฮลิคอปเตอร์งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แบบ 32 (ฮ.ปภ.32) ที่มาปฏิบัติการบินเพื่อควบคุมไฟป่าในพื้นทีภาคเหนือ โดยมี พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับพร้อมรับชมการสาธิตการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วยเฮลิคอปเตอร์ ก่อนเข้าร่วมประชุมติดตามที่ศูนย์อำนวยการสั่งการหลักที่ อบจ.เชียงใหม่ด้วย
อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่าสถานการณ์ในภาพรวมของไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาจำนวนจุดความร้อนที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 ถึงปัจจุบัน ลดลงกว่า 50 % แต่อย่างไรก็ดีในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดตาก เชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังมีการเกิดจุดความร้อนเป็นประจำ ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกองทัพบก ได้บูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือร่วมกันเพื่อป้องกันและลดปัญหาปัญหาไฟป่าและหมอกควันทุกจังหวัด โดยให้ แต่ละจังหวัดได้เตรียมการตามมาตรการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด ในการจำแนกพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการต่างๆ ทั้งนี้หากมีการเกิดเหตุเฉพาะพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงของทีมสนามในเขตป่าต่างๆ ทางกระทรวงมหาดไทยร่วมกับกองทัพบก ได้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการดับป่าทั้งในภาคพื้นและอากาศยาน โดยระดมเครื่องจักรอุปกรณ์จากศูนย์เขตของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาสนับสนุน 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งขณะนี้ได้เข้าประจำในพื้นที่เรียบร้อย เพื่อร่วมกับศูนย์เขต ทั้ง 4 เขตที่อยู่ประจำทางภาคเหนือ
นายบุญธรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ได้นำ เฮลิคอปเตอร์ ปภ.แบบ KA 32 มาประจำอยู่ที่เชียงใหม่เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน โดยมีกองทัพภาคที่ 3 จัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าอยู่ เมื่อได้รับแจ้งจากทางจังหวัดที่เกิดปัญหาทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกองทัพบกจะประเมินสถานการณ์ หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ในการออกปฏิบัติหน้าที่ ทางกรม ปภ.และกองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 3 จะนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเราจะเน้นย้ำการปฎิบัติเพื่อระงับดับไฟป่าในพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง หากกรณีมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในการดับไฟป่า สามารถใช้เฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บได้
นายบุญธรรม ระบุว่า อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่อยากจะฝากไว้คือความร่วมมือของพี่น้องประชาชนที่ทุกคนมีส่วนร่วมที่จะช่วยลดการเกิดไฟป่า และหากพบเห็นพื้นที่เกิดเหตุ ขอให้แจ้งทางอำเภอ จังหวัด หรือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หมายเลข 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อจะได้ประสานการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ปีนี้นำเครื่องมืออุปกรณ์มาอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่คาดว่าจะมีภัย จะสามารถลดเวลาการเคลื่อนย้ายได้ โดยเฉพาะใน 9 จังหวัดที่เป็นพื้นที่การเฝ้าระวัง
ทางด้าน พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 3 ได้ จัดชุดรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนลด ละ เลิกการเผา ในพื้นที่ โดยหากพื้นที่ไหนเกิดสถานการณ์ที่รุนแรง แม่ทัพภาคที่ 3 ได้อนุมัติกำลังหนุนเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุนทันที ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้ทุกพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 3 ได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นห่วงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากสภาพของพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ หากมีลมพัดจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนเข้ามาในพื้นที่จะเป็นปัจจัยให้เกิดปัญหา ฝุ่นควัน ดังนั้นให้เผ้าระวังใน 2 จังหวัดนี้ เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยมากที่สุด อย่างไรก็ตามในเรื่องปัญหาหมอกควันข้ามแดน แม่ทัพภาคที่ 3 มอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย – เมียนมา หรือ TBC ทุกจุดทำหนังสือและประชุมอย่างไม่เป็นทางการเพื่อแก้ไขปัญหานี้อยู่แล้ว คาดว่าปีนี้สถานการณ์จะดีกว่าที่ผ่านมาจากความร่วมมือจากทุกฝ่าย.